เคล็ดลับดูแลรถเก่าให้เหมือนใหม่ ใช้ทีไรก็อุ่นใจได้เหมือนเคย
เพื่อนร่วมทางที่อยู่กับเรามาตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันทุกทริป และอยากจะให้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ แต่รู้ดีว่า “รถเก่า“ ย่อมมีการเสื่อมสภาพเป็นเรื่องธรรมดา อีกไม่นานรถยนต์รุ่นเก่าคงต้องเกษียณเต็มที แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้ลิสต์วิธีดูแลรถมาให้แล้ว หากดูแลเป็นอย่างดีอาจจะช่วยให้รถยนต์คันโปรดอยู่กับคุณได้นานขึ้น ซึ่งจะมีวิธีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย
อายุกี่ปี ถึงถูกจัดอยู่ในหมวดรถเก่า ?
จริง ๆ แล้ว ‘อายุรถ’ หรืออายุการใช้งานของรถยนต์หนึ่งคัน ในทางปฏิบัติไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและแนวทางการใช้รถของแต่ละคนเป็นหลัก ดังนั้นคำว่า “รถเก่า“ แต่ละคนจึงไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่แล้วรถยนต์จะสามารถใช้งานได้ในระยะเวลา 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น คุณภาพวัสดุ การผลิต รวมถึงลักษณะการใช้งาน
ทั้งนี้ คนที่มีความเชื่อว่ารถที่ใช้งานในระยะทางแตกหลัก 1 แสนกิโลเมตร เครื่องยนต์จะเสื่อมสภาพ และถูกจัดอยู่ในหมวดรถเก่า บอกเลยว่าไม่จริง เพราะรถยนต์หนึ่งคันสามารถวิ่งได้ในระดับ 3 แสนกิโลเมตรขึ้นไปได้สบาย ๆ ขึ้นอยู่กับวิธีดูแลรถ นอกจากนี้ยังรวมถึงอุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของรถยนต์รุ่นเก่าด้วยเช่นกัน
รถยนต์รุ่นเก่าทำประกันชั้นไหนดี ?
สำหรับคนที่กำลังหาคำตอบว่า “ รถเก่า “ ควรทำประกันชั้นไหนดี อยากให้รถยนต์คันเก่าที่อยู่มานานได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ ตัดสินใจได้ยากเนื่องจากบางบริษัทประกันมีการกำหนดอายุรถในแต่ละประเภทประกันอย่างชัดเจน ถ้าอย่างนั้นตามไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยว่า รถเก่าควรทำประกันชั้นไหนดี
-
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
แม้จะเป็นรถยนต์รุ่นเก่า หรือรถเก่าที่ใช้งานมานาน สามารถทำประกันชั้น 1 ได้ (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกัน) บางบริษัทฯ รับรถสูงสุดถึง 15 ปี แต่ต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น ประวัติการขับขี่, สภาพรถ, รุ่นรถ หรือแม้แต่การต่อประกันกับเจ้าเดิมเป็นเวลานาน
-
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
ในกรณีที่มองว่าประกันรถยนต์ ชั้น 1 ค่าเบี้ยค่อนข้างสูง อาจไม่เหมาะสำหรับรถเก่าเท่าไหร่ ประกันภัยรถยนต์ 2+ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกันมาก โดยคุ้มครองกรณีรถชนรถ “ซ่อมเขาซ่อมเรา” รวมถึงให้ความคุ้มครองกรณีไฟไหม้ น้ำท่วมด้วยเช่นกัน เว้นแต่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุรถชนแบบไม่มีคู่กรณี แบบนี้จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
-
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
ประกัน 3+ ถือเป็นหนึ่งในประเภทประกันรถยนต์ ที่ตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับรถยนต์รุ่นเก่าที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ด้วยความที่หลาย ๆ บริษัทไม่จำกัดอายุรถ สำหรับรถที่จะทำประกันรถยนต์ประเภทนี้ แถมยังให้ความคุ้มครองกรณีรถชนรถแบบ “ซ่อมเขา ซ่อมเรา” รวมถึงคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินของคู่กรณ๊ และบุคคลภายนอกอีกด้วย
-
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
หากเป็นรถเก่าที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน การซื้อประกันชั้น 3 ติดเอาไว้ นับเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน โดยประกันประเภทนี้ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 3+ แต่จะให้ความคุ้มครองเฉพาะ ‘รถคู่กรณี’ เท่านั้น พูดง่าย ๆ คือ “ซ่อมเขา แต่ไม่ซ่อมเรา”
ให้เห็นภาพคือ “รถเก่า สามารถทำประกันได้ทุกประเภท” ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกัน และความพึงพอใจของเจ้าของรถยนต์รุ่นเก่า หากต้องการให้รถคันโปรดได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการ แถมราคาสบายกระเป๋า แนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ กับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้รถยนต์ของคุณได้รับสิ่งที่ดีที่สุดนั่นเอง
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหาวิธีดูแลรถ เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์รุ่นเก่าให้ยาวนานขึ้น ไปม่ต้องไปหาจากที่อื่นไกล เพราะ มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์มาให้จุก ๆ ทั้งหมด 8 วิธี โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
-
1. ตรวจสภาพรถอยู่เสมอ
การตรวจสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถเก่าก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ แถมเป็นวิธีดูแลรถที่ดีที่สุด สามารถนำรถเข้าศูนย์บริการของรุ่นได้ตามเหมาะสม โดยสามารถนำรถเข้าเช็กได้ตามระยะเวลาที่บันทึกเองหรือตามที่ช่างแนะนำ
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกดูแลเฉพาะส่วนของตัวรถ ภายใน สีภายนอก เครื่องยนต์ ช่วงล่าง เลือกได้ตามความเหมาะสมที่อู่ซ่อมรถ ใกล้ฉันที่ไว้ใจได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณพึงพอใจหรือสบายใจกับการเช็กที่ไหนมากกว่ากัน
-
2. เช็กสภาพแบตเตอรี่
โดยปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 2 ปี แต่จะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับ ‘คุณภาพการใช้งาน’ ของแต่ละบุคคล กรณีที่รถเก่าเริ่มสตาร์ทไม่ติด ต้องมีการพ่วงแบตถี่ขึ้น หมายความว่าแบตเตอรี่รถยนต์รุ่นเก่าของคุณเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว
-
3. เติมลมยางอย่างเหมาะสม
การเติมลมยางรถเก่าอย่างเหมาะสมอยู่ตลอด ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยเช่นเดียวกัน เพราะหากปล่อยให้ลมยางอ่อนตลอดเวลา อาจทำให้ยางรถยนต์รุ่นเก่าได้รับความเสียหาย จากนั้นอาจลามไปถึงเครื่องยนต์ ที่อาจได้รับความเสียหายอื่น ๆ ตามมา เพราะเครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้นนั่นเอง
-
4. สังเกตการทำงานของเครื่องยนต์
หากวันใดวันหนึ่งสตาร์ทรถแล้วรู้สึกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับพวงมาลัยรถ หรือเสียงที่ผิดแปลกไปหลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ รวมถึงจังหวัดการติดของเครื่องยนต์ด้วย หากเป็นแบบนี้ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ใกล้บ้านที่ไว้ใจได้ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุอย่างเร่งด่วน
-
5. เปลี่ยนหัวเทียนตามอายุการใช้งาน
อย่าปล่อยให้หัวเทียนบอดเป็นอันขาด เพราะจะทำให้สตาร์ทรถไม่ติด โดยเฉพาะ ‘ รถเก่า ‘ ที่ควรได้รับการดูแลในเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพื่อเสริทให้การทำงานของเครื่องยนต์ยังคงประสิทธิภาพได้ดีมากที่สุด
-
6. ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนของเหลวในรถ
“ของเหลวในรถ” ประกอบด้วยน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำยาหล่อเย็น และอื่น ๆ อีกหลายรายการ ซึ่งถ้าหากไม่เปลี่ยนตามระยะที่กำหนด อาจทำให้ระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ได้รับความเสียหาย แม้จะเป็นรถเก่าแต่ไม่ควรละเลยในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
-
7. ไม่จอดรถตากแดด (เว้นแต่จำเป็น)
การจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน โดยไม่มีความจำเป็นใด ๆ เลย นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสีรถยนต์แล้ว ยังอาจทำให้อุปกรณ์ภายในเกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
-
8. ล้างรถหรือเคลือบสีบ้างในบางโอกาส
แม้จะเป็นรถยนต์รุ่นเก่าที่ใช้งานมานาน สมบุกสมบันพอสมควร สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการล้างหรือเคลือบสีให้รถบ้าง เพราะถ้าหากปล่อยให้ฝุ่นเกาะหรือเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก อาจทำให้รถที่เก่าอยู่แล้ว กลับดูโทรมขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
นอกจากนี้การล้างรถอย่างสม่ำเสมอ และเคลือบสีในบางโอกาส จะช่วยให้คงสภาพภายนอกและภายในของรถยนต์รุ่นเก่าได้ดี แถมยังทำให้รถคันโปรดของคุณดูดีขึ้นมาถนัดตาเลยล่ะ